ดนตรีกับความฉลาด โดย น.พ. กมล แสงทองศรีกมล กุมารแพทย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีความสุข คลายเครียด นอกจากนี้ระยะหลังยังมีการศึกษาวิจัยว่าดนตรียังอาจช่วยเพิ่มความฉลาดของเด็กได้ด้วยครับ เราคงเคยได้ยิน ได้ฟังงานดนตรีของคีตกวีชื่อเสียงก้องโลก นามว่าโมสาร์ท (Mozart) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1756-1791 โดยมีผู้ศึกษาวิจัยพบว่าขณะที่ฟังดนตรีของโมสาร์ทอาจมีผลดีต่อสมอง ซึ่งเรียกกันว่าโมสาร์ทเอฟเฟค (Mozart effect) เพลงของโมสาร์ทเป็นดนตรีซึ่งมีความซับซ้อนของระดับเสียง จะทำให้เกิดกระแสประสาทกระตุ้นวงจรใน สมองซ้ำๆ ช่วยการทำงานของสมองดีขึ้น โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับมิติสัมพันธ์ ( spatial-temporal reasoning ) การสร้างสรรค์ภาพจากจินตนาการ การจัดส่วนต่างๆของภาพ ซึ่งก็คล้ายกับการต่อภาพจิ๊กซอว์ที่เรารู้จักกันดีนั่นเองครับ อย่างไรก็ตามผลดีบางอย่างของดนตรีอาจมีเรื่องของระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นต้องมีการใช้เวลากับดนตรีที่นานพอ ( เช่น 3 ปี ) จึงจะเห็นผลครับ นอกจากนี้ยังมีการทดลองในนักศึกษา36 คน โดยให้ฟังเพลง Mozart K448 ขณะทำแบบทดสอบทางสติปัญญาหรือ I.Q. test ( stanford - Binet ) พบว่านักศึกษากลุ่มนี้สามารถทำคะแนนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผลนี้เกิดขึ้นขณะที่กำลังฟังเพลงเท่านั้นนะครับ นอกจากนี้ยังมีงานศึกษาวิจัยสนับสนุนว่าการที่ได้ฝึกฝนทักษะทางดนตรีอาจช่วยเพิ่มความสามารถทางคณิตศาสตร์ ส่วนผลดีต่อการอ่านนั้น ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนเพียงพอครับ
คุณพ่อคุณแม่บางคนได้ยินว่าดนตรีอาจมีผลดี ก็เลยเปิดเพลงให้ฟังตลอดวัน ตั้งแต่วัยทารก ว่างก็เปิดวีซีดีเพลงให้ลูกดู จนขาดการเล่นและมีปฏิสัมพันธ์กับลูก อย่างนี้ก็อาจเกิดปัญหาได้ครับ เพราะการศึกษาผลของดนตรีนั้นส่วนใหญ่ทำในเด็กโต ที่อายุน้อยสุดก็ประมาณ 3 ขวบครับ และเนื่องจากมันเป็นการสื่อสารทางเดียว ถ้ามากจนเกินไปก็อาจมีผลกระทบต่อพัฒนาการด้านภาษาและสังคมได้ ดังเช่นที่สมาคมกุมารแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาออกกฏและคำเตือนให้ยึดถือและปฏิบัติในเรื่องการให้เด็กดูโทรทัศน์คือเด็กอายุต่ำกว่า2 ปี ไม่ควรให้ดูโทรทัศน์ และเด็กที่อายุเกิน2 ปีก็ควรดูไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันครับ อย่างไรเสียการเล่นอย่างมีปฏิสัมพันธ์กับลูกก็ยังเป็นส่วนสำคัญสำหรับพัฒนาการและความฉลาดของลูกรักอยู่ดีครับ
ปัจจุบันนี้เรามักจะไม่มองความฉลาดเพียง1-2ด้านแล้วครับ ตามที่โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ ( Dr. Howard Gardner ) จึงเสนอว่าจริงๆแล้วมนุษย์เรามีความฉลาดถึง 8 อย่าง 8 ด้าน หรือพหุปัญญาสมอง ( Multiple intelligences ) ดังที่เราได้เคยคุยกันไปแล้วคือ
1 ความสามารถในการใช้คำและภาษา ( Word smart )
2 ความสามารถในการแก้ปัญหา สำรวจ คำนวณ การใช้เหตุผล (Logical / Mathematical )
3 ความสามารถด้านการมองภาพรวม หรือมิติสัมพันธ์ (Spatial ) ศิลปะ
4 ความสามารถด้านดนตรี ( Music )
5 ความสามารถในการเคลื่อนไหว กีฬา ( Kinesthetic)
6 ความสามารถด้านสังคม มนุษยสัมพันธ์และการสอน ( interpersonal )
7 ความสามารถในการรู้จักตนเอง แก้ปัญหาด้วยตนเอง ( intrapersonal )
8 ความสามารถเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม คน และธรรมชาติ ( naturalist )
ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้ลูกหลานของเรามีความฉลาดรอบด้าน
เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีความสุข คลายเครียด นอกจากนี้ระยะหลังยังมีการศึกษาวิจัยว่าดนตรียังอาจช่วยเพิ่มความฉลาดของเด็กได้ด้วยครับ เราคงเคยได้ยิน ได้ฟังงานดนตรีของคีตกวีชื่อเสียงก้องโลก นามว่าโมสาร์ท (Mozart) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1756-1791 โดยมีผู้ศึกษาวิจัยพบว่าขณะที่ฟังดนตรีของโมสาร์ทอาจมีผลดีต่อสมอง ซึ่งเรียกกันว่าโมสาร์ทเอฟเฟค (Mozart effect) เพลงของโมสาร์ทเป็นดนตรีซึ่งมีความซับซ้อนของระดับเสียง จะทำให้เกิดกระแสประสาทกระตุ้นวงจรใน สมองซ้ำๆ ช่วยการทำงานของสมองดีขึ้น โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับมิติสัมพันธ์ ( spatial-temporal reasoning ) การสร้างสรรค์ภาพจากจินตนาการ การจัดส่วนต่างๆของภาพ ซึ่งก็คล้ายกับการต่อภาพจิ๊กซอว์ที่เรารู้จักกันดีนั่นเองครับ อย่างไรก็ตามผลดีบางอย่างของดนตรีอาจมีเรื่องของระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นต้องมีการใช้เวลากับดนตรีที่นานพอ ( เช่น 3 ปี ) จึงจะเห็นผลครับ นอกจากนี้ยังมีการทดลองในนักศึกษา36 คน โดยให้ฟังเพลง Mozart K448 ขณะทำแบบทดสอบทางสติปัญญาหรือ I.Q. test ( stanford - Binet ) พบว่านักศึกษากลุ่มนี้สามารถทำคะแนนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผลนี้เกิดขึ้นขณะที่กำลังฟังเพลงเท่านั้นนะครับ นอกจากนี้ยังมีงานศึกษาวิจัยสนับสนุนว่าการที่ได้ฝึกฝนทักษะทางดนตรีอาจช่วยเพิ่มความสามารถทางคณิตศาสตร์ ส่วนผลดีต่อการอ่านนั้น ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนเพียงพอครับ
คุณพ่อคุณแม่บางคนได้ยินว่าดนตรีอาจมีผลดี ก็เลยเปิดเพลงให้ฟังตลอดวัน ตั้งแต่วัยทารก ว่างก็เปิดวีซีดีเพลงให้ลูกดู จนขาดการเล่นและมีปฏิสัมพันธ์กับลูก อย่างนี้ก็อาจเกิดปัญหาได้ครับ เพราะการศึกษาผลของดนตรีนั้นส่วนใหญ่ทำในเด็กโต ที่อายุน้อยสุดก็ประมาณ 3 ขวบครับ และเนื่องจากมันเป็นการสื่อสารทางเดียว ถ้ามากจนเกินไปก็อาจมีผลกระทบต่อพัฒนาการด้านภาษาและสังคมได้ ดังเช่นที่สมาคมกุมารแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาออกกฏและคำเตือนให้ยึดถือและปฏิบัติในเรื่องการให้เด็กดูโทรทัศน์คือเด็กอายุต่ำกว่า2 ปี ไม่ควรให้ดูโทรทัศน์ และเด็กที่อายุเกิน2 ปีก็ควรดูไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันครับ อย่างไรเสียการเล่นอย่างมีปฏิสัมพันธ์กับลูกก็ยังเป็นส่วนสำคัญสำหรับพัฒนาการและความฉลาดของลูกรักอยู่ดีครับ
ปัจจุบันนี้เรามักจะไม่มองความฉลาดเพียง1-2ด้านแล้วครับ ตามที่โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ ( Dr. Howard Gardner ) จึงเสนอว่าจริงๆแล้วมนุษย์เรามีความฉลาดถึง 8 อย่าง 8 ด้าน หรือพหุปัญญาสมอง ( Multiple intelligences ) ดังที่เราได้เคยคุยกันไปแล้วคือ
1 ความสามารถในการใช้คำและภาษา ( Word smart )
2 ความสามารถในการแก้ปัญหา สำรวจ คำนวณ การใช้เหตุผล (Logical / Mathematical )
3 ความสามารถด้านการมองภาพรวม หรือมิติสัมพันธ์ (Spatial ) ศิลปะ
4 ความสามารถด้านดนตรี ( Music )
5 ความสามารถในการเคลื่อนไหว กีฬา ( Kinesthetic)
6 ความสามารถด้านสังคม มนุษยสัมพันธ์และการสอน ( interpersonal )
7 ความสามารถในการรู้จักตนเอง แก้ปัญหาด้วยตนเอง ( intrapersonal )
8 ความสามารถเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม คน และธรรมชาติ ( naturalist )
ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้ลูกหลานของเรามีความฉลาดรอบด้าน